วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว บทที่ 1 - 2

การท่องเที่ยวคือ...มีคำอธิบายมากมาย







Holloway J. Christopher ใน The Business of Tourism .. พูดยาก ......เพราะการท่องเที่ยวเป็นรูปแบบกิจกรรมหนึ่งของนันทนาการ (Recreation)กีฬา งานอดิเรก และการใช้เวลาว่าง


•การท่องเที่ยวเกี่ยวข้องกับการเดินทาง จึงมีปัญหาว่า การเดินทางที่จัดเป็นการท่องเที่ยวต้องมีจุดประสงค์อย่างไร และเดินทางด้วยระยะทางเท่าใด



การประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องของการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ที่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี พ.ศ.2506




-องค์การการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
(The International Union of Official Travel organizations: IUOTO)



-เปลี่ยนชื่อเป็น World Tourism Organization, WTOพ.ศ.2513


- เสนอคำจำกัดความของการท่องเที่ยว




การท่องเที่ยว Tourismพ.ศ. 2506



ต้องมีองค์ประกอบหลัก 3 ประการตามข้อตกลงการประชุมขององค์การสหประชาชาติ หมายถึง


๑.การเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว


๒.เป็นการเดินทางด้วยความสมัครใจ


๓.เป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตามที่มิใช่เพื่อการประกอบอาชีพหรือหารายได้


จากนิยามการท่องเที่ยวของการประชุมในพ.ศ.2506(Holloway J. Christopher


•ให้เรียกผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวว่า ผู้เยี่ยมเยือน (Visitor)


จำแนกเป็น

๑.นักท่องเที่ยว (Tourist)

๒.นักทัศนาจร (Excursionist)




การจำแนกประเภทของผู้มาเยือน

การแบ่งตามช่วงเวลาที่ใช้ไปในการไปเยือนและมีการพักค้างคืน ณ สถานที่ที่ไปเยือนนั้น แบ่งออกเป็น



นักท่องเที่ยว (Tourist) หมายถึง ผู้ที่มาเยือนชั่วคราว ซึ่งพักอยู่ ณ สถานที่ที่ไปเยือนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง และมีการพักค้างคืนอย่างน้อย 1 คืน แต่ไม่เกิน 1 ปี ได้แก่



-ผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักอยู่ในสถานที่ที่ไปเยือน


-ผู้ที่มีสัญชาติของประเทศนั้นหรือเดิมเป็นคนในถิ่นนั้น แต่ปัจจุบันไม่ได้มีถิ่นพำนักในสถานที่ที่ไปเยือนแล้ว

-ผู้ที่เป็นลูกเรือ ซึ่งไม่มีถิ่นพำนัก ณ สถานที่ที่ไปเยือน และมีการค้างคืน ณ สถานที่ที่ไปเยือน


นักทัศนาจร (Excursionist) คือผู้มาเยือนชั่วคราว ซึ่งพักอยู่ ณ สถานที่นั้นน้อยกว่า 24 ชั่วโมง และไม่พักค้างคืน ได้แก่

-ผู้โดยสารเรือสำราญหรือเรือเดินสมุทร ซึ่งมาแวะพักชั่วคราว ไม่พักค้างคืน

-ผู้ที่มาเยือนและจากสถานที่นั้นภายในวันเดียว (same-day visitor)

-ลูกเรือ ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่อาศัย ณ สถานที่นั้นๆ และแวะพักเพียงชั่วคราว ไม่เกิน 24 ชั่วโมง G3/6 (28/5/08)

แบ่งออกเป็น


-ผู้มาเยือนขาเข้า (inbound visitor) คือผู้ที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศและเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้งหนึ่ง

-ผู้มาเยือนขาออก (outbound visitor) คือผู้ที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศหนึ่ง และเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ

-ผู้มาเยือนภายในประเทศ (domestic visitor) คือผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ตนมีถิ่นพำนักอยู่

**อาจเรียก inbound visitor และ domestic visitor ว่า ผู้มาเยือนในประเทศ internal visitor ได้



วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว



มนุษย์เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวด้วยความต้องการและเป้าหมายที่แตกต่างกันไป เช่น พักผ่อน ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง เป็นต้น




การท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน (Holiday)







ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน เป็นจุดมุ่งหมายหลักของการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวมีวันหยุดที่จำกัด ดังนั้นจึงพยายามไม่เอาหน้าที่การงาน ความจำเจของชีวิตประจำวันมาเกี่ยวข้อง การเดินทางไปอาบแดด เล่นน้ำตก สวนสนุก เป็นต้น

การท่องเที่ยวเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ (Business)






แม้ว่าการท่องเที่ยวทางธุรกิจดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายในการทำงาน แต่การทำงานนั้นเป็นเพียงกระบวนการในการสร้างรายได้ในอนาคต อาทิ การติดต่อทางการค้า การประชุม เป็นต้น แบ่งออกเป็น

- การเดินทางเพื่อธุรกิจโดยทั่วไป

- การเดินทางเพื่อการประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงนิทรรศการนานาชาติ ( MICE )



การท่องเที่ยวเพื่อความสนใจพิเศษ Special Interest Tourism






เป็นการตอบสนองควยามต้องการของนักท่องเที่ยวในระดับที่ซับซ้อนมากขึ้น จากแค่เพียงต้องการพักผ่อน เพลิดเพลิน นักท่องเที่ยวต้องการที่จะเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ ในระดับที่ลึก เป็นต้น


ประเภทการท่องเที่ยว

แบ่งตามสากล

1.การท่องเที่ยวภายในประเทศ (Domestic Tourism)

2.การท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ (Inbound Tourism)


3.การท่องเที่ยวนอกประเทศ (Outbound Tourism)



แบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง


1.การท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ(Group Inclusive Tour: GIT)


1.1 กรุ๊ปเหมา
1.2 กรุ๊ปจัด


2. การท่องเที่ยวแบบอิสระ (Foreign Individual Tourism: FIT)


แบ่งตามวัตถุประสงค์การเดินทาง

1.เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน

2.เพื่อธุรกิจ

3.เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ

รูปแบบของการท่องเที่ยวเพื่อความสนใจพิเศษ



การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม





เป็นการท่องเที่ยวเพื่อต้องการศึกษาวัฒนธรรมของประเทศหรือสถานที่ที่ตนเองไปเยี่ยมเยือน เพราะวัฒนธรรมเหล่านั้นมีความแตกต่างไปจากวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งโดยส่วนมากมักจะเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มองเห็น เป็นวัตถุหรือเป็นการแสดง เป็นต้น




การท่องเที่ยวเชิงกีฬาและสุขภาพ





มีจุดมุ่งหมายเพื่อบำบัดโรค บำรุงสุขภาพกายและใจ อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

-การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism)

-การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism)

-การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Adventure Tourism)

การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา





เป็นการท่องเที่ยวเพื่อต้องการเรียนรู้ โดยมีการจัดการ การวางแผนล่วงหน้า มีครูผู้สอนที่ชำนาญ และมีการฝึกหัดทำตามแบบแผน ซึ่งจะเน้นที่การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
อาทิ
การเรียนทำอาหารไทย การเรียนรำไทย การเรียนภาษาไทย
การดูดาว การเรียนดำน้ำ ฯลฯ



การท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์







เป็นการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการเข้าไปสัมผัสกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ประเพณีของกลุ่มคนต่างๆ โดยตรงเพื่อให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น มิใช่ผ่านวัตถุหรือการแสดงที่จัดขึ้น
อาทิ


การเยี่ยมชมหรือพำนักกับชาวไทยภูเขา ชาวบ้านพื้นเมือง Home stay ฯลฯ




วิวัฒนาการของการท่องเที่ยว









อาณาจักร บาบิโลน ( Babylonian Kingdom) และ อาณาจักรอิยิปต์ ( Egyptian Kingdom)

-การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ ( Historic Antiquities) 2600 ปีมาแล้วในอาณาจักรบาบิโลน
-มีการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนา มีการพบหลักฐานจากข้อความที่นักเดินทางเขียนไว้ที่ผนัง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ


จักรวรรดิกรีกและจักรวรรดิโรมัน

ลักษณะการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว

สมัยกรีก

เป็นการปกครองแบบนครรัฐ (City State) ทำให้ไม่มีผู้นำสั่งการให้สร้างถนน จึงนิยมเดินทางทางเรือ
-สถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า
-เดินทางเพื่อแสวงหาความรู้ เนื่องจากสมัยกรีกนี้มีนักปราชญ์เป็นจำนวนมาก อาทิ อริสโตเติล พลาโต โซเครติส -เพื่อการกีฬา โดนเฉพาะในกรุงเอเธนส์

สมัยโรมัน


ได้รวบรวมจักรวรรดิกรีก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร และได้นำเอาวัฒนธรรม ธรรมเนียม ความหรูหราต่างๆ ไปพัฒนาเป็นแบบโรมัน

-สมัยโรมันเป็นสมัยที่การท่องเที่ยวรุ่งเรืองที่สุดในยุคโบราณ จนมีนักวิชาการปัจจุบัน กล่าวว่า “ แม้ว่าชาวโรมันจะมิใช่ชาติแรกที่เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เพื่อความเพลิดเพลินก็ตาม แต่ชาวโรมันก็เป็นชนชาติแรกที่แท้จริงที่สร้างวัฒนธรรมการท่องเที่ยวระบบมวลชนเป็นครั้งแรก” (Mass Tourism)
-ชาวโรมันนิยมเดินทางไปชมความสำเร็จของวิทยาการของกรีก อนุสาวรีย์ต่างๆ รูปแกะสลัก ตลอดจนงานเทศกาล
-โครงสร้างพื้นฐานถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งถนนหนทาง ที่พักแรม (Inns) ร้านอาหาร ตลอดจนการรักษาความปลอดภัย



ยุคกลาง หรือ ยุคมืด ( Middle Age or Dark Age) ประมาณ ค.ศ. 500-1500

-เป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ศาสนาเข้ามามีบทบาทในการกำหนดการดำเนินชีวิตของผู้คน
-วันหยุด (Holy Days) เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
-คนชั้นกลางและชั้นสูงนิยมเดินทางเพื่อแสวงบุญ ในระยะทางไกลในเมืองต่างๆ ตามหลักฐานที่ปรากฏเป็นนิทานเรื่อง Canterbury’s tales
-การเฟื่องฟูของอาชีพมัคคุเทศก์ G6/3-Date 9Jun08

ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ( Renaissance)

ลักษณะสำคัญของการท่องเที่ยวในยุคนี้คือ
-เกิดการพัฒนาทางด้านการค้า
-ผู้คนเริ่มใฝ่รู้เกี่ยวกับเรื่องของยุโรปสมัยก่อน โดยเฉพาะชาวอังกฤษที่ร่ำรวย นิยมส่งบุตรชายออกเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับผู้สอนประจำตัว (Travelling Tutors) เป็นระยะเวลา 3 ปี เรียกว่าแกรนด์ทัวร์ (Grand Tour) โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศ อิตาลี
-อาจเรียกแกรนด์ทัวร์ว่า เป็นการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาก็ได้

สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19

-สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการล่าอาณานิคมขึ้น
-ที่พักแรมได้รับการพัฒนามาตามลำดับ กลายมาเป็นโรงแรม แทนที่ inns ต่างๆ
-การโยกย้ายถิ่นฐาน ไปยังดินแดนใหม่ๆ นอกยุโรป อาทิ ไป อเมริกา
-มีการพัฒนาประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ กับเรือกลไฟแบบกังหันข้างผสมใบ ทำให้เกิดการเดินทางได้เร็วขึ้น
-มีการพัฒนากิจการรถไฟ และในปี ค.ศ. 1841 โทมัส คุก ( Thomas Cook) ได้จัดนำเที่ยวทางรถไฟแบบครบวงจรเป็นครั้งแรก ที่อังกฤษ ในขณะที่ เฮนรี เวลส์ ก็จัดกิจการนำเที่ยวขึ้นในอเมริกาเช่นกัน

ยุคศตวรรษที่ 20

การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความสะดวกสบายมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พักแรม เงินตรา เอกสารการเดินทาง
-ผู้คนหันมานิยมการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟลดน้อยลง
-พัฒนาของอุตสาหกรรมการบิน ที่เริ่มขึ้นในยุโรป ปี ค.ศ. 1919 และเริ่มขนส่งผู้โดยสาร ในช่วงหลักสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
-ช่วงหลังสงครามโลก ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางการสงคราม อาทิ หาดนอร์มังดีที่ฝรั่งเศส




****ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.lss.dpu.ac.th/ ครับ
ผู้จัดทำ นายวัชรวีร์ ประสานพันธ์
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

2 ความคิดเห็น:

  1. ภาพรวมดี ดูหรูหรา แต่เธอมีพื้นที่ว่างระหว่างบทความมากเกินจำเป็น แก้ด้วยการไปที่เมนูแก้ไขบทความแล้วพยายามวางเคอร์เซอรืไว้ล่างสุด จากนั้นก็กดแป้นback space เพื่อลดพื้นที่ว่างให้มีความเหมาะสมครับ ส่วนเนื้อหา พยายามอย่าให้มีเครื่องหมาย "-" Hyphen คือ ทำให้ประโยคที่มีเครื่องหมายดังกล่าวเป็นประโยคบอกเล่าง่ายสั้นๆ กระชับ และต่อเนื่องสละสลวย
    อ.พิทยะ

    ตอบลบ
  2. ดีน่ะ
    แต่เว้นวรรคมากไปหน่อยน่ะเพื่อน

    ตอบลบ